วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วางแผนการลงทุนด้วย Excel

  บทความนี้มาต่อกันที่การวางแผนการลงทุนด้วย Excel กันบ้าง การลงทุนบนโลกนี้มีหลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุน เงินฝาก ตราสารหนี้ รวมไปถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เช่น ที่ดิน คอนโด ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีผลตอบแทนแตกต่างกันไป ซึ่งเราค่อนข้างที่จะคาดการณ์ได้ยาก เพราะมันขึ้นอยู่กับสภาพภาวะเศรษฐกิจ บางปีอาจจะลงทุนหุ้นดี บางปีอาจจะอสังหาริมทรัพย์ดี เป็นต้น

   ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรก็ตาม เราย่อมต้องการได้ผลตอบแทนสูงๆกันทุกคน แน่นอนว่าหากเราไม่อยากเสี่ยงเลย เราก็สามารถลงทุนไว้ในเงินฝาก ซึ่งปัจจุบัน ณ ปี 2558 นี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ก็น้อยมากๆ (ต่ำกว่า 1%) หรือแม้จะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก็ยังไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้เช่นกัน (ต่ำกว่า 3%)

   ในปี 2559 เดือนสิงหาคม จะมีการปรับนโยบายคุ้มครองเงินฝากหากสถาบันการเงินล้ม จากเดิมจะคุ้มครองไม่เกิน 25 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเป็นคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาทเท่านั้น หากคุณฝากเกิน 1 ล้านบาท สถาบันการเงินที่ล้มจะต้องชำระในส่วนที่เหลือ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555

   มันจึงเกิดคำพูดที่ว่า "High Risk High Return" ขึ้นมา หรือแปลเป็นไทยว่า ยิ่งต้องการผลตอบแทนสูงคุณก็จะต้องเสี่ยงสูงเช่นกัน การลงทุนไม่ใช่การแสวงหาผลตอบแทนสูงสุด แต่มันคือการจัดการความเสี่ยงในการลงทุนอย่างไรให้ต่ำที่สุดมากกว่า บางคนอาจจะสงสัยว่าความเสี่ยงสูงนี่คือมันเสี่ยงยังไง จริงๆมันก็คือความเสี่ยงที่เงินต้นของเราหายไปจากการลงทุนที่ผิดพลาดนั่นเอง เช่น ลงทุนซื้อหุ้น A ในราคา 10 บาทจำนวน 10,000 หุ้น รวมเป็นเงิน 100,000 บาท ต่อมาหุ้น A ราคาลดต่ำลงเหลือ 8 บาท หากคุณยอมจำนนขายหุ้น A ทั้งหมด คุณก็จะเหลือเงินติดกระเป๋าเพียง 80,000 บาท

   ผมได้ทำ Excel มาแจกจ่ายอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็น Excel สำหรับวางแผนการลงทุนของเรา ซึ่งเรากรอกเพียงเงินต้นที่เราคาดว่าจะเริ่มลงทุนครั้งแรก และอัตราดอกเบี้ยทีต้องการแต่ละปี เพียงเท่านี้โปรแกรมก็จะคำนวณออกมาให้ว่าในอีก 10 หรือ 40 ปีข้างหน้าเราจะมีเงินเท่าไร

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วางแผนการออมด้วย Excel

   บทความนี้เรามาวางแผนการออมกัน เชื่อว่าหลายคนคงจะเป็นมนุษย์เงินเดือน พอวันเงินเดือนใกล้ออกจะขยันทำงานขึ้นมาทันที ยิ่งช่วงโบนัสจะออกนี่ มีไรเรียกใช้ได้เลย ฮ่าๆ ผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเช่นกัน เพิ่งจบมาไม่นานเงินเดือนก็ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้

   หากใครเคยอ่านตาม Pantip ก็มักจะมีกระทู้ประมาณว่า "เงินเดือน ... บาท เก็บเงินเท่าไรดี" หรือ "เพื่อนๆเก็บเงินกี่ % ของรายได้กันหรอ" ซึ่งก็มีคนมาแสดงความเห็นมากมาย บางคนเก็บได้เยอะ บางคนเก็บได้น้อย ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าครองชีพ ถ้าเป็นในเมืองเช่นกรุงเทพฯ ก็คงสูงหน่อย แต่ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็จะถูก ทำให้เก็บเงินได้เยอะขึ้น หรือบางคนอาจจะมีภาระผ่อนเยอะ เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หักค่ากินค่าอยู่ ก็หมดพอดี ไม่ได้เก็บเงินเลย

   ดังนั้นวันนี้ Moneyexcelz จะมาชักชวนให้พวกเราออมเงินกันดีกว่า แม้ว่าเราจะเป็นเด็กจบใหม่ เริ่มมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง ก็ควรเริ่มต้นออมเช่นกัน เพราะอิสรภาพทางการเงิน มีปัจจัยด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เราลองมาดู Infographic จากเว็บ Kasikornbank เพื่อความเข้าใจกันดีกว่า


   จากภาพด้านบนเราก็จะเห็นได้ว่าหากเราเริ่มออมก่อน เราจะได้เปรียบกว่าคนเริ่มออมทีหลังแน่นอน เพราะมันมีตัวแปรที่สำคัญคือ ดอกเบี้ยทบต้น หรือ Compound Interest นั่นเอง หากใครสนใจเรื่องดอกเบี้ยทบต้น สามารถคลิกอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ


  ดังนั้นผมจึงทำ Excel มาแจกจ่ายให้พวกเรานำไปคำนวณกันว่าถ้าเราออมเงิน 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี สุดท้ายเราจะมีเงินเท่าไร เพื่อเป็นการวางแผนว่าเราจะต้องเก็บออมต่อเดือนเท่าไรถึงจะเพียงพอต่อเป้าหมายเกษียนของเรา